ทำความรู้จักกับการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (forex) ตอน 1

     สวัสดีครับ อย่างที่สัญญากันไว้ในครั้งก่อนนะครับ จะเพิ่มบทความในลักษณะที่เป็นวิชาการแบบจิงๆ จังๆ กันบ้าง และบทความชิ้นนี้ จะนำเรามารู้จักกับคำว่า Foreign Exchange หรือเรียกย่อๆ ว่า Forex หรือขี้เกียจเอามากๆ ก็เรียกสั้นๆว่า FX กันก่อนนะครับ แล้วจะไปในส่วนของกราฟแท่งเทียนในส่วนต่อไป
     Forex หรือ FX คือ การซื้อขายค่าเงินตราต่างประเทศในลักษณะ คู่ค่าเงิน (Currency pair) โดยตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนับว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีมูลค่าการซื้อขายที่มากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันประมาณ 4 ล้านล้านล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐเลยทีเดียว ระยะเวลาที่ตลาดเปิดทำการจะเปิดต่อเนื่องกัน 24 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์
     การซื้อขายในตลาดการเงินนั้น จะมีลักษณะเหมือน Tfex บ้านเราคือ ไม่ได้ซื้อขายสินค้ากันจริงๆ แต่ทำการซื้อขายสัญญา และมีลักษณะเป็นคู่ค่าเงิน ด้วยเหตุผลว่า ค่าเงินจะได้มีความสัมพันธ์และอ้างอิงกันและกัน เช่น EUR/USD = 1.27995, EUR/JPY = 120.456 โดยจุดทศนิยมจะเป็น 4 และ 5 จุดแล้วแต่โบรกเกอร์จะเป็นคนกำหนดนะครับ ถ้าเป็นโบรกเกอร์ Hotforex จะเป็น 5 จุดทศนิยม คือมีการเคลื่อนไหวมากว่า และรวดเร็วทันใจกว่าแบบ 4 จุด โอกาสทำกำไรจึงมีมากกว่า แต่บางคนชอบเรื่อยๆ ไม่หวือหวา อาจเลือกโบรกเกอร์ที่มี 4 จุดก็ได้แล้วแต่สไตล์การลงทุนนะครับ

          ตัวอย่างนะครับ เช่นผมซื้อค่าเงิน EUR/USD ความหมายคือผม ซื้อ EUR และขาย USD ไปพร้อมๆกัน (มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องใช้คำสั่งแยกซื้อ 1 ครั้งและ ขาย 1 ครั้งเป็นกฏของตลาดอยู่แล้ว)

     

 

     ต่อไปจะพูดถึง ราคาคู่เงิน (Quotes currency pairs) โดยในโปรแกรมการซื้อขาย จะแสดงเป็นค่าสองค่า ตามรูปตัวอย่างด้านล่างนะครับ
          คอลัมแรกก็เป็นค่าเงินโดยจะใช้ระบบ 3 ตัวอักษร, 2 ตัวอักษรแรกบอกประเทศของค่าเงินนั้นๆ ส่วนตัวอักษรที่ 3 บอกค่าเงิน เช่น US+D ก็คือ สหรัฐฯ ดอลล่าร์, TH+B ก็คือ ไทย บาท นั่นเอง
          คอลัมที่สองและสาม เป็นค่า Bid คือค่าที่เราจะได้เมื่อเราซื้อ (Bid) หรือขาย (Ask) สัญญานั้นๆ โดยส่วนต่างของค่า Bid และ Ask คือค่าธรรมเนียม (Spread) ตัวอย่างในรูปเลยเช่น เมื่อซื้อ (Bid) คู่เงิน AUD/USD เราก็จะได้ราคา 1.04341 ถ้าราคาขึ้นไป 10 หน่วยที่ราคา 1.04351 เราก็จะได้กำไร 10 หน่วย แต่หักค่า Spread (1.04341-1.04358) 17 หน่วย แสดงว่าหลังจากการปิดออร์เดอร์ครั้งนี้สุทธิแล้วเราขาดทุน 7 หน่วย ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำการซื้อขาย ต้องคำนึงถึงค่า spread ด้วยนะครับ ถ้าใครเล่นหุ้น ก็คือค่าธรรมเนียม ประมาณนั้นนะครับ คล้ายๆ กัน

Quote currency pairs

     ที่นี้มาพูดถึงคำว่า Pip คือ เลขหน่วยสุดท้ายของคู่ค่าเงิน เช่น AUD/USD = 1.04341 เมื่อค่าเงินขึ้นไปที่ 1.04441 แสดงว่าเปลี่ยนแปลงจากเดิม 100 Pip โดยเราจะวัดจากการเปลี่ยนแปลงหลักสุดท้ายเสมอ

     ขอสรุปสำหรับมือใหม่นิดนึงนะครับ ตอนนี้เรารู้จัก คำว่า
          1. Forex คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างต่างประเทศ
          2. Quotes currency pairs คือ ราคา(คู่)ค่าเงินต่างๆ เช่น AUD/USD, USD/JPY
          3. Bid คือการซื้อ, Ask คือการขาย, Spread คือส่วนต่างระหว่าง Bid กับ Ask หมายถึงค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเมื่อทำการซื้อขาย

ตัวอย่างนะครับ

     ผมเข้าซื้อ (Bid) AUD/USD ที่ราคา 1.04341 โดยมีค่าธรรมเนียม 17 pip การเข้าซื้อครั้งนี้ผมคาดหมายว่าตัวเลข GDP ของสหรัฐที่เพิ่งประกาศไปเมื่อ 30 นาทีก่อนและสภาพโดยรวมที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์กันไว้ น่าจะทำให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง โดยเป้าหมายของผมคือกำไรที่ราคา 1.04441 หรือ 100 pips โอ้วมายก๊อดดดดด ผ่านไป 10 นาทีทุกอย่างเป็นไปตามคาดราคาขึ้นไปถึงที่กำหนดไว้ ผมปิดออร์เดอร์ สรุปก็คือ ผมจะได้กำไร 100 pip - 17 pip นี่คือกำไรสุทธิที่ผมจะได้ ถ้าจำนวนที่ซื้อคือ 1 std.lot ผมก็จะได้เงิน 83$

     สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ ไม่ว่าตลาดจะไปทิศทางไหน ไม่ว่าขึ้นไม่ว่าลง เราก็สามารถทำกำไรได้นะครับ เช่นเราคิดว่าค่าเงินจะลดลง เราก็ไป Ask , หรือเราคิดว่าค่าเงินจะขึ้น ก็ไป Bid แต่ในตลาดหุ้น เราไม่สามารถุทำอย่างนี้ได้ สามารถได้เงินทิศทางเดียวคือต้องรอให้มันขึ้น และมักใช้เวลานานมากทีเดียว

     วันหน้าเราค่อยมาต่อกันนะครับ กับการทำความรู้จักกับ Forex แหล่งทำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก